วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

จม

ฉันรู้สึกท้อแท้ เมื่อฉันเห็นฉันรับมันมา
ฉันกลั่นกรองผ่าสมองและความคิดอย่างรวดเร็ว
ทว่า ความรู้สึกที่ได้รับมา สิ่งที่เห็นสิ่งเหล่านั้น  ทั้งมวล
มันทำให้ฉันไร้ที่อยู่ ไม่มีที่สถิต ไม่มีที่ดำรงอีกต่อไป เลย

วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

อุดมการณ์ เพื่องผองชน

สถานหนแห่งนี้     มีพลัง
มีเรื่องราวความหลัง    มากล้น
มีพร้อมธรรมชาติอลัง    การณ์นัก
อดีตนานยากจะพ้น             จักให้ลืมเลือน

ดินแดนแห่งหนสถาน
มีเรื่องราวยาวนานให้รู้
ประวัติศาสตร์ของเหล่านักสู้
คงยังอยู่คู่แห่ง .......... แดนสถาน

หน้าผาหินใหญ่  มีปุ่ม
ลายเมฆฟ้าครามชุม สุดกว้าง
มีประวัติประดับคุม สถานแห่งนี้เอย
ทอดตาไกลเคว้งคว้าง สุดฮู้เสียวหลัง

ปณิธานของกวี

ปณิธานของกวี
๑. ฉันเอาฟ้าห่มให้ หายหนาว
ดึกดื่นกินแสงดาว ต่างข้าว
น้ำค้างพร่างกลางหาว หาดื่ม
ไหลหลั่งกวีไว้เช้า ชั่วฟ้าดินสมัย ๚

๒. พลีใจเป็นป่าช้า อาถรรพณ์
ขวัญลิ่วไปเมืองฝัน ฟากฟ้า
เสาะทิพย์ที่สวรรค์ มาโลก
โลมแผ่นทรายเส้นหญ้า เพื่อหล้าเกษมศานต์ ๚

๓. นิพนธ์กวีไว้เพื่อกู้ วิญญาณ
กลางคลื่นกระแสกาล เชี่ยวกล้า
ชีวีนี่มินาน เปลืองเปล่า
ใจเปล่งแววทิพย์ท้า ตราบฟ้าดินสลาย ๚

๔. จิตกาธารกรุ่นไหม้ โฉมไป ก็ดี
กาพย์ร่ำหอมแรงใจ ไป่แล้ว
จุติที่ภพไหน ภพนั่น
ขวัญท่วมทิพย์รุ้งแก้ว ร่วงน้ำมณีสมัย ๚

๕. ลายสือไหววิเวกให้ หฤหรรษ์
ฝนห่าแก้วจากสวรรค์ ดับร้อน
ใจปลิวลิ่วไปฝัน โลกอื่น
หอมภพนี้สะท้อน ภพหน้ามาหอม ๚

๖. ข้ายอมสละทอดทิ้ง ชีวิต
หวังสิ่งสินนฤมิต ใหม่แพร้ว
วิชากวีจุ่งศักดิ์สิทธฺ์ สูงสุด
ขลังดั่งบุหงาป่าแก้ว ร่วงฟ้ามาหอม ๚

อังคาร กัลยาณพงศ์

วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สถุนช้า ตำรวจไทย

*หยาบช้าตำรวจไทย

รีดขูดไถปวงประชา

เอากฏเกณฑ์อ้างข้อหา

ไร้จรรยาวิญญูชน


*สถุนตำรวจไทย

พวกจันไรไม่ใช่คน

มันไร้ซึ่งเหตุผล

อ้างข้อกลกฏหมายฆ่า


*ชิบหายวายวอดแน่

ตำรวจแย่เหมือนกับหมา

มันรับใช้ศักดินา

ขูดประชาไพร่ฟ้าไท


*ผองเราจงลุกสู้

กำหมัดชูล้างบัลลัย

ปฏิวัติตำรวจไทย

ให้มันดีกว่านี้เทอญ*********

วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

น่าเศร้าที่เขาเป็นครู

ผมก็กำลังเรียนอยู่ ผมก็เห็นหมดแล้วซึ่ง โถ่ๆ

*แก่งแย่งแข่งขันชิงชันผลงาน

มีทุกแวดวงการต่างประชันสู้

มิเว้นแม้กระทั่งวงการของครู

ครูไม่สอนหนูครูทำแต่งาน


งานของครูคืออะไรกันแน่หนอ โถ่ๆ ยับเยินแน่หนอ มันช่างเป็นภาพที่น่าเศร้า

ยามฉันทุกข์

โอหนอหนอหนอ หนอ

ฉันอยู่อยู่เพื่อสุขแท้      เพื่อนเอย
แสวงหาอยู่ดั่งเคย        สุขล้ำ
แม้นหาบ่เห็นสุขเลย     ทุกข์นัก
เสียจริตจิตช้ำ             กู่ร้องฟูมฟาย


เพื่อน....โอเพื่อนเพื่อนทั้งหลายช่วยด้วย     แสนจะทุกข์ระทวยทั้งหมดสิ้น
          เหมือนฉันอยู่กลางกองอาจิณ        อยากให้ผืนแผ่นดินสูบฉังลงไป


ว.วเนจร

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

สหายพิจารณาดูเถิด

สหายเอ๋ย นับพันนับร้อยปีมานานนมแล้ว มีปราชญ์ ผู้หนึ่ง นามขงจื้อ ท่านผู้นี้ได้
สั่งสอน ให้รู้ถึง ความกตัญญู  และ ก็มีผู้ลุ แล้ว ในโลกอันหลายระดับก็สั่งสอนกันมาเช่นนี้ เช่นกัน
เรา แม้น จะกตัญญู ก็เพียงเท่าใดกัน จงคิดดูเถิด
สมัยโบราณกาล แม้ น้ำให้ดื่มเพียงขันก็ถือเป็นบุญคุณอันยิ่งใหญ่เสีย เท่าชีวิตทดแทนแล้ว ท่าน
ท่านจงคิดดูเถิด สหาย
วัฒนธรรม จารีต ประเพณี ศีลธรรม ต่างๆๆนานา..... เหลวไหล สิ้นดี  อย่าเอามันมาเป็นกรอบ เถิด
กรอบ อันใดก็ลองวิเคราะห์ ตามวิจารณญาณเอาเถิด ตามท่านวิเคาระห์เถิด หากท่านไม่แจ่มแจ้ง  ก็ไม่สามารถช่วยอันใดได้ดอกท่าน ท่านแยกแยะดูเถิด

ครูฉันสอนดีดี
แล้วพวกอี..ก็มากวน
ครูฉันเลยต้องด่วน
ด่วนหนีจากไปจากฉัน

สหายจงคิดเถิด
ครูฉันเลิศดีปานไหน
ทุ่มเทสั่งสอนให้
ให้เรานี้เป็นผู้คน

ฉันนี้แสนสลด
เรื่องปรากฏมาเช่นนี้
สุดแสนเลวสิ้นดี
พวกอัปปรีทำ ครู กู

ปลงเถิดท่านครูบอก
พวกนอกคอกอย่าไปสน
ผมเสียความรู้สึกจน
จนว้าวุ่นใน อุรา

ผมขอระบายเถิดท่าน ท่านอย่า คิดเป็นอื่นเลย ผมเครารพท่านนัก
                                                                                    ด้วยความเคารพ  กัมปนาท แสงตันชัย ต.

วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

คำนึงนาง

*เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง
นกบินเฉียงไปทั้งหมู่
ตัวเดียวมาพลัดคู่
เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดาย

ความเหงาใจเข้าแทรกซึมปักลึกลงในอก อย่างหนักหน่องเมื่อปราศจากผู้รู้ใจและเข้าใจในตัวเราโดยสิ้นเชิง

*นางนวลสุดสงวน งดงาม
นางนวลสุดสง่า งามงอน
นางนวลสุดศรี สมดี
นางนวลสุดสำรวม เพลิศแพร้ว

นางงามของข้าโปรดอย่าห่างหาหนีหน้าข้าเลยข้ารัก เจ้าอย่างจริงจังไปเสียแล้วว


*น้องนางในดวงใจ
น้อมอาลัยใฝ่ควรหา
น้องคือดวงดารา
น้องติดตาคาใจพี่

ช่วงหนึ่งช่วงใดของชีวิต ย่อมมีความรักความใคร่ความหลงเข้า มาในชีวิตมากมาย สุดคะนานับ ในส่วนตัวของกระผมนั้นก็ เป็น เช่น ปถุชนทั่วไป ซึ่ง ต้องมีความรักใคร่หลงไหลเข้ามาไม่น้อย เมื่อเกิดความรักใคร่เข้ามาในภวังจิต คราใด ก็ทำให้ จิตใจสมองความคิดปั่นป่นติดตา คาอยู่ในใจ วุ่นวายอยู่อย่างนั้น มันช่าง น่าคับคลั่งใจตายเสียเหลือเกินหนอ ตัวเรา

*นางนวลสุดสงวน
จิตข้าป่วนสั่นนภา
*นางนวลสุดสง่า
งามจนข้าละลายหลอม
*นางนวลสุดสมดี
ดรุณีงามสุขงอม
*นางนวลสุดสำรวม
เสน่ห์ท่วมท้นจิตใจ


เกินจะพรรณาแล้วเอย หากจะพรรณาใดๆๆแล้ว ละก็ คงไม่พ้น ว่า รักนาง รักนางสุดความนึกคิดของข้า



วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เรียน เพียร

ก็เรียนเพียรเลิศล้ำ วิชา
ก็อ่านการนานา น่ารู้
ใจจดจ่อตำรา หนาอยู่
หนักนักจักคงสู้ สู่ฟ้าที่หวัง

รังสรรค์สร้างโลกสู่
สร้างอยู่คู่ใจนึก
งดงามตามรู้สึก
ล้ำลึกลามขยาย

วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553

นำภาพมาโชว์ อิอิ


นี่ เป็น ห้องปฏิบัตฺธรรม ของกระผม พร้อมทั้งเป็นห้องซ้อม ดนตรี หรือ บางครั้ง บางทีผมนั้นก็นอน ห้องนี้ บทกลอน และหลักปรัชญาของผม นั้น ล้วนเกิดมาจากการเก็บตัวอยู่ในห้องนี้ทั้งสิ้น พร้อมรวมทั้ง ความคิด ส่วน บุคคลของผมที่ผม บ่มเพราะมา ล้วน อาศัยสถานแห่งนี้ทั้งสิ้น

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ก็ฉันเขลา


บทประพันธ์นี้ความหมายดี พบเจอมาในหนังสือ ผมเลยเอามาดัดแปลง ตกแต่ง

ชื่อบทประพันธ์ ก็ฉันเขลา

ฉันโง่ ฉันเขลา ฉันทึ่ง ฉันจึงมาหาซึ่งความหมาย
ฉันหวังจะเก็บอะไรไปมากมาย แต่สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว


กัมปนาท

แม่สอนตอนปิดเทอม


แม่สอน






ปิดภาคเรียนข้าว่าง งานทำ
ท่านส่งมาเรียนลำ(ลั้ม) เพิ่มรู้
เรียนไปบ่สิชำ(ชั้ม) ภายหน้า(น่า)
แม่ท่านบอกจงสู้ เพื่อฟ้าสดใส


(เขียนสระ อำ แล้วขึ้นไม่โทไม่ได้ต้องขออภัย แต่ข้าเขียนคำอ่านไว้ให้แล้ว)


อันนี้ นั่งๆ อยู่ นึกถึงตอนที่แม่ บอกว่า ปิดเทอมแล้ว ไม่มีการงานทำให้ไปหาเรียนพิเศษไป-
(ตอนช่วงปิดเทอม2 ตอน ม.4 ครับ)

เป้าหมายในวัยเรียนของชีวิต


*เป้าหมายในภายหน้า จบออกมาเป็นคุณหมอ

นายร้อยแสนเท่ห์หล่อ เป็นเจ้าพ่ออำนาจล้น


*เป็นข้าราชการ นั่งทำงานเป็นนายคน

อยู่เหนือประชาชน มากมายผลประโยชน์มี


*นั่งเสพความสุขสันต์ ทุกคืนวันฉันสุขศรี

นั่งกินนอนกินดี สุขชีวีใจฝ่ปอง



ผมรู้ ทุกคนก็ต้องเคยหวัง แอบคาดหวังเช่นนี้ เหมือนกับผม 555+ (ความคิดเด็กๆๆ ครับ)
และหากผู้อ่านมีความหวังมีเป้าหมายในชีวิต ขอให้เหล่าท่าน จง สู้ ต่อไป เพื่ออนาคตอันงดงาม